เมื่อเรามาฉลองครบรอบ 21 ปีของเว็บไซต์ที่เริ่มสร้างขึ้นในปี 2003 การย้อนกลับมามองว่าเว็บเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดนั้นน่าประทับใจมาก ตั้งแต่ยุคที่ใช้ Adobe Dreamweaver และตาราง HTML พื้นฐานเพื่อสร้างเลย์เอาต์ มาจนถึงยุคปัจจุบันที่มีการออกแบบที่ตอบสนองด้วย CSS เฟรมเวิร์กต่างๆ และไลบรารี JavaScript การพัฒนาเว็บไซต์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มาร่วมเดินทางผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่ได้ปรับรูปแบบอินเทอร์เน็ตและสร้างวิธีการสร้างและสัมผัสประสบการณ์เว็บไซต์ขึ้นใหม่ทั้งหมด
ในปี 2003 การออกแบบเว็บยังคงถูกครอบงำโดยโปรแกรม Adobe Dreamweaver ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ล้ำสมัยในขณะนั้น ทำให้ดีไซเนอร์สามารถใช้การลากและวางเพื่อสร้างเว็บไซต์ได้ ในขณะที่เครื่องมือออกแบบเว็บในปัจจุบันเน้นไปที่การโค้ดมากกว่า แต่การทำงานด้วยวิธีนี้ทำให้ผู้ที่ไม่ใช่นักเทคนิคสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ การออกแบบมักอิงตามตาราง HTML เนื่องจาก CSS ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นและยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะจัดการกับการออกแบบที่ซับซ้อนได้ ส่งผลให้เว็บไซต์มักมีโครงสร้างแบบกริดเป็นกล่องที่อัปเดตได้ยากและแตกต่างจากเลย์เอาต์ที่ยืดหยุ่นในปัจจุบัน
CSS (Cascading Style Sheets) ได้ถูกแนะนำเข้ามา แต่ยังมีฟังก์ชันและการยอมรับที่จำกัด แม้ว่าจะช่วยให้ดีไซเนอร์สามารถเพิ่มสี ฟอนต์ และรูปแบบเลย์เอาต์พื้นฐานได้ แต่ก็ยังถูกมองว่าเป็นส่วนเสริมที่อาจไม่จำเป็นมากนัก CSS1 ซึ่งเป็นมาตรฐานในขณะนั้น ให้ความสามารถในการจัดแต่งเบื้องต้นเมื่อเทียบกับสิ่งที่ทำได้ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม CSS ค่อยๆ มีการใช้งานมากขึ้นในการแยกเนื้อหาออกจากการแสดงผล ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น
ในขณะนั้น JavaScript ก็ยังมีการใช้งานอยู่บ้าง แต่ไม่กว้างขวางนักสำหรับการสร้างอินเตอร์แอคทีฟ เว็บไซต์ในปี 2003 ส่วนใหญ่เป็นแบบสแตติก และมีการแสดงผลแบบเรียบง่ายหรือนิ่ง ขาดการเปลี่ยนแปลงไดนามิก โดยการอัปเดตส่วนใหญ่จำเป็นต้องรีเฟรชหน้าทั้งหมด AJAX ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงเว็บให้สามารถโหลดข้อมูลแบบไม่ต้องรีเฟรชเพจ ยังไม่ได้เข้ามามีบทบาท
เฟรมเวิร์กอย่าง Bootstrap ที่เปิดตัวในปี 2011 ได้สร้างการปฏิวัติในการใช้งาน CSS ด้วยการออกแบบที่ตอบสนอง Bootstrap ได้แนะนำระบบกริดที่ช่วยให้สามารถปรับแต่งเลย์เอาต์ได้ง่าย รวมกับคิวรี่สำหรับสื่อ ทำให้เว็บไซต์ดูและใช้งานได้ดีบนทุกอุปกรณ์ การออกแบบเว็บจึงเริ่มหันไปสู่การออกแบบที่เน้นมือถือก่อน โดยคิดค้นประสบการณ์ของเว็บขึ้นใหม่เพื่อรองรับผู้ใช้งานที่กำลังเคลื่อนที่ไปมา
JavaScript ซึ่งเริ่มต้นเป็นภาษาโค้ดที่ใช้ในการเพิ่มอินเตอร์แอคทีฟพื้นฐาน ได้พัฒนาไปมากตั้งแต่ปี 2003 ในช่วงแรก JavaScript ถูกใช้เป็นหลักสำหรับงานง่ายๆ เช่น การตรวจสอบแบบฟอร์มและการสร้างแอนิเมชันเบื้องต้น แต่ภายในปี 2005 AJAX (Asynchronous JavaScript and XML) เริ่มเป็นที่นิยม ทำให้สามารถอัปเดตหน้าเว็บแบบไดนามิกได้โดยไม่ต้องรีเฟรชเพจ ทำให้เกิดเจเนอเรชันใหม่ของเว็บไซต์อินเตอร์แอคทีฟและเว็บแอปพลิเคชัน ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มอย่าง Google Maps และ Gmail ได้เริ่มต้นนิยามใหม่ให้กับการใช้งานและความคาดหวังของผู้ใช้
ทุกวันนี้ JavaScript เฟรมเวิร์กและไลบรารี เช่น React, Vue และ Angular เป็นเทคโนโลยีหลักในการพัฒนาเว็บ พวกเขาช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่มีการโต้ตอบสูง ทำให้การทำงานคล้ายกับซอฟต์แวร์บนเดสก์ท็อปมากกว่าการใช้งานแบบเว็บไซต์แบบดั้งเดิม ฟีเจอร์อย่าง DOM เสมือนจริงช่วยให้สามารถอัปเดตได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่โครงสร้างแบบ Component-based ช่วยส่งเสริมโค้ดที่ใช้งานซ้ำได้ การพัฒนา JavaScript ได้กลายเป็นปัจจัยหลักที่เปลี่ยนเว็บให้กลายเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์และไดนามิก
ในปี 2003 Macromedia Flash (ที่ภายหลังถูก Adobe ซื้อกิจการไป) เป็นเครื่องมือยอดนิยมในการสร้างเว็บไซต์ที่มีการอินเตอร์แอคทีฟและสื่อมัลติมีเดียที่หลากหลาย Flash ช่วยให้สามารถสร้างแอนิเมชัน เกม และฟีเจอร์อินเตอร์แอคทีฟต่างๆ ที่ HTML ยังไม่สามารถทำได้ในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม Flash ต้องการปลั๊กอินสำหรับเบราว์เซอร์ ซึ่งมักมีปัญหาด้านความปลอดภัยและความเข้ากันได้ การเปิดตัวของ iPhone ในปี 2007 ซึ่งไม่รองรับ Flash เป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของเทคโนโลยีนี้ และภายในปี 2020 Adobe ได้ยกเลิก Flash อย่างเป็นทางการ
การเพิ่มขึ้นของ HTML5 ซึ่งเปิดตัวในปี 2008 ทำให้ Flash กลายเป็นอดีต HTML5 นำเสนอการรองรับมัลติมีเดียแบบพื้นฐาน ทั้งวิดีโอ เสียง และกราฟิก พร้อมโครงสร้างที่ให้ผลต่อการค้นหาและการเข้าถึงได้ดีขึ้น นักพัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์มัลติมีเดียโดยไม่ต้องพึ่งพาปลั๊กอินของบุคคลที่สาม ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเข้ากันได้กับทุกอุปกรณ์ HTML5 ยังเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนและหลากหลายมากยิ่งขึ้นเมื่อมองไปข้างหน้า ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การเรียนรู้ของเครื่องจักร (ML) และเทคโนโลยีเสมือนจริง (VR) รวมถึงการแสดงผลแบบสามมิติ (AR) กำลังจะเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์ เครื่องมือออกแบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ถูกนำมาใช้ในการแนะนำเลย์เอาต์และปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสม โดยทำให้กระบวนการออกแบบบางส่วนสามารถทำงานได้อัตโนมัติ ด้วยการเรียนรู้ของเครื่องจักร เว็บไซต์จะสามารถปรับให้เข้ากับผู้ใช้มากขึ้น โดยเสนอเนื้อหาและประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงตามพฤติกรรมและความชอบของผู้ใช้
เทคโนโลยี VR และ AR มีศักยภาพในการมอบประสบการณ์ที่สมจริงแก่ผู้ใช้งาน ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้ใช้สามารถสำรวจผลิตภัณฑ์หรือสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออีคอมเมิร์ซและการศึกษา นอกจากนี้ WebAssembly (Wasm) ยังช่วยให้การทำงานของเว็บแอปพลิเคชันเกือบเทียบเท่าการทำงานในระดับเนทีฟ ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้โค้ดที่มีประสิทธิภาพสูงในเบราว์เซอร์ได้ ซึ่งเปิดโอกาสให้แอปพลิเคชันที่ซับซ้อน เช่น การตัดต่อวิดีโอ การเล่นเกม และงานที่ต้องการพลังการคำนวณสูงสามารถทำงานได้ผ่านเบราว์เซอร์ รวมถึง12bet ทางเข้า ล่าสุด ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว!
การย้อนมองเส้นทางจากหน้าเว็บในปี 2003 จนถึงเว็บไซต์ในปัจจุบันที่มีการอินเตอร์แอคทีฟและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนั้นแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเว็บได้มาไกลเพียงใด เราได้เดินทางจากหน้าที่สร้างขึ้นด้วย Dreamweaver และ HTML เบื้องต้น สู่โลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์ รวดเร็ว และมีการมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่เราฉลองครบรอบ 21 ปีนี้ มันน่าทึ่งที่ได้คิดถึงบทต่อไปของเว็บ จากการนำเสนอเนื้อหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI สู่ประสบการณ์เสมือนจริง อนาคตนั้นสดใส เต็มไปด้วยความไดนามิก และมีโอกาสใหม่ๆ รออยู่ ขอมอบความยินดีให้กับนวัตกรรม 21 ปีที่ผ่านมาและสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า!
เรื่อง : มารู้จักกับสี-ความหมายของสี อารมณ์แห่งสีสัน ...
ในโลกอินเทอร์เน็ตที่กว้างขวาง เว็บไซต์ทั้งหลายต่างก็ทำหน้าที่เปรียบเสมือนร้านค้าดิจิตอล เสมือนประตูสู่ข้อมูลและองค์ความรู้ เสมือนแพลตฟอร์มเพื่อการติดต่อ...
เรื่อง :: คุณสมบัติของเวบไซต์ที่ดี สำหรับเยาวชนwebmaster หรือผู้ที่จะจัดทำเว็บไซต์ขึ้นมาสัก 1 ไซต์ สิ่งที่เราควรคำนึ...
เรื่อง: aria-hidden คืออะไร ? นักพัฒนาเว็บหลายท่าน อาจจะเคยผ่านสายตากันมาบ้างสำหรับ Attribute ที่ชื่อว่า aria-hi...